การสมัครงานครั้งแรกอาจทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไม่น้อย โดยเฉพาะการเลือกชุดที่เหมาะสมสำหรับการไปสมัครงานพาร์ทไทม์ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นเส้นทางอาชีพของคุณ เพราะการแต่งกายไม่เพียงแต่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดีและน่าเชื่อถือ แต่ยังสามารถสร้างความประทับใจแรกพบให้แก่ผู้สัมภาษณ์ได้อีกด้วย หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะต้องแต่งตัวไปสมัครงานอย่างไรให้ดูดี เหมาะสม ดูเป็นมืออาชีพ และเข้ากับตำแหน่งงานที่สมัคร เรามีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งานได้อย่างมั่นใจ !

เคล็ดลับแต่งตัวไปสมัครงานพาร์ทไทม์ ให้ HR ประทับใจ !
1. ทำความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร
การแต่งตัวให้เหมาะสมสำหรับการสมัครงาน ถึงแม้จะเป็นงานพาร์ทไทม์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและช่วยสร้างความประทับใจแรกพบกับผู้สัมภาษณ์ได้ดี การเลือกเสื้อผ้าไม่ใช่แค่การแต่งกายให้ดูดี แต่ควรคำนึงถึง “วัฒนธรรมองค์กร” ของสถานที่ทำงานนั้น ๆ ด้วย
หากผู้สมัครแต่งตัวเหมาะสมกับลักษณะงานและคุณค่าที่องค์กรยึดมั่นเหล่านั้น จะช่วยแสดงให้เห็นว่าผู้สมัครเข้าใจและให้ความสำคัญกับกฎระเบียบของบริษัทนั้นเป็นอย่างดี ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสให้คุณได้รับการพิจารณาเข้าทำงานมากขึ้น
โดยแนวทางในการหาข้อมูลเพื่อเลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสม สามารถทำได้ ดังนี้
1. ศึกษาข้อมูลของบริษัท
ผู้สมัครสามารถเข้าไปดูเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของบริษัทที่สนใจผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ เช่น Facebook, Instagram หรือ LinkedIn เพื่อดูวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงลักษณะการแต่งกายของพนักงาน นอกจากนี้ยังสามารถอ่านรีวิวหรือค้นหาคำแนะนำเกี่ยวกับการสมัครงานในบริษัทนั้น ๆ กับคนรู้จัก เพื่อดูว่ามีแนวทางการแต่งตัวแบบไหนที่เหมาะสม
2. พิจารณาตามประเภทของบริษัท
นอกเหนือจากการคำนึงถึงการแต่งตัวอย่างไรเพื่อไปสมัครงานไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายแล้ว การแต่งกายให้สอดคล้องกับประเภทของบริษัทก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เนื่องจากแต่ละองค์กรมีแนวทางการแต่งตัวที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น หากสมัครงานพาร์ทไทม์ในธุรกิจค้าปลีก อย่างร้านเสื้อผ้า ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านสะดวกซื้อ อาจเลือกแต่งตัวในสไตล์กึ่งทางการที่ดูสุภาพและเป็นมิตร
แต่หากสมัครงานในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความเป็นมืออาชีพ เช่น สำนักงาน งานบริการลูกค้า หรือบัญชี ควรแต่งตัวในสไตล์ Business Casual เช่น เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงสแล็กส์ หรือกระโปรงที่ดูเรียบร้อย เพื่อให้เหมาะสมกับบรรยากาศและสร้างความประทับใจแก่ผู้สัมภาษณ์
2. เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับงานพาร์ทไทม์แต่ละประเภท
1. งานที่ต้องพบปะลูกค้า เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ ร้านขายเสื้อผ้า
เครื่องแต่งกายที่แนะนำ :
• เสื้อเชิ้ตแขนสั้นหรือแขนยาว โทนสีสุภาพ เช่น ขาว ดำ เทา หรือสีเอิร์ธโทน
• เสื้อโปโลเรียบ ๆ ไม่มีลวดลายเยอะ
• กางเกงผ้า หรือกางเกงยีนส์สีเข้มที่ไม่มีรอยขาด
เครื่องแต่งกายที่ควรหลีกเลี่ยง :
• เสื้อแขนกุด เสื้อเปิดไหล่ หรือเสื้อยืดลายกราฟิกที่ดูไม่เป็นทางการ
• กางเกงขาสั้น หรือกระโปรงสั้นเกินไป
2. งานในสำนักงานหรือฝ่ายบริการลูกค้า
เครื่องแต่งกายที่แนะนำ :
• เสื้อเชิ้ตแขนยาวหรือแขนสั้น สีสุภาพ
• กางเกงสแล็กส์ หรือกระโปรงทรงสุภาพ
เครื่องแต่งกายที่ควรหลีกเลี่ยง :
• เสื้อผ้าที่รัดรูปหรือเปิดเผยมากเกินไป
• กางเกงยีนส์ขาด หรือเสื้อที่มีลวดลายมาก
3. งานที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะ เช่น พนักงานสต๊อกสินค้า หรือพนักงานขนส่ง
เครื่องแต่งกายที่แนะนำ :
• เสื้อยืดหรือเสื้อโปโลสีสุภาพ
• กางเกงยีนส์ หรือกางเกงผ้าที่สามารถขยับตัวได้สะดวก
เครื่องแต่งกายที่ควรหลีกเลี่ยง :
• เสื้อที่รัดแน่นหรือไม่ระบายอากาศ
• กางเกงขาสั้น หรือกระโปรงที่ไม่เหมาะกับการเคลื่อนไหว
3. เทคนิคในการใส่รองเท้าและเครื่องประดับ
การเลือกใส่รองเท้าและเครื่องประดับที่เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัวไปสมัครงานและยังสามารถทำให้ดูเป็นมืออาชีพได้
1. งานที่ต้องพบปะลูกค้า เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ ร้านขายเสื้อผ้า
• ลักษณะรองเท้า : ดูเป็นทางการแต่สะดวกสบาย เช่น รองเท้าหนัง หรือรองเท้าคัทชู
• ลักษณะเครื่องประดับ : ขนาดพอดี เรียบ ๆ ไม่หวือหวา สะอาด เรียบร้อย ไม่หมองหรือชำรุด
2. งานในสำนักงานหรือฝ่ายบริการลูกค้า
• ลักษณะรองเท้า : ใส่สบาย เหมาะกับการเดินหรือยืนนาน ๆ เช่น รองเท้าส้นเตี้ยหรือรองเท้าหนังที่เป็นทางการ
• ลักษณะเครื่องประดับ : เครื่องประดับไม่ควรมีขนาดใหญ่จนเกินไป ควรเลือกใช้เพียงแค่ 1-2 ชิ้น เช่น นาฬิกา หรือแหวนที่มีดีไซน์เรียบง่าย
3. งานที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะ เช่น พนักงานสต๊อกสินค้า หรือพนักงานขนส่ง
• ลักษณะรองเท้า : รองเท้าที่แข็งแรง และรองรับการเคลื่อนไหวได้ เช่น รองเท้าผ้าใบที่มีความทนทาน สามารถรองรับแรงกระแทกได้
• ลักษณะเครื่องประดับ : เลือกเครื่องประดับที่มีความทนทานและไม่หลุดง่าย
4. สีและลวดลายที่ควรหลีกเลี่ยง
การแต่งตัวไปสมัครงานทั้งผู้หญิงและผู้ชายไม่เพียงแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ แต่ยังสะท้อนบุคลิกภาพและทัศนคติต่อองค์กร การเลือกสีและลวดลายที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเลือกไม่เหมาะ อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และการตัดสินใจของนายจ้างได้
สีที่ควรหลีกเลี่ยง
• สีสันสดใสเกินไป : เช่น สีชมพูสด สีเหลืองสด หรือสีส้มที่สดเกินไป อาจทำให้ลุคของคุณดูไม่เป็นทางการและไม่เหมาะกับบรรยากาศการสมัครงาน
• สีที่ตัดกันอย่างแรง : เช่น สีดำกับสีขาวที่ตัดกันมาก ๆ หรือสีที่มองแล้วรู้สึกว่าไม่เข้ากัน เช่น สีแดงกับสีเขียว อาจทำให้ลุคของคุณดูจัดจ้านเกินไป และลดความเป็นมืออาชีพ
• สีเข้มเกินไป : เช่น สีดำทั้งหมด อาจทำให้ดูหม่นหมองหรือเป็นลุคที่ดูเครียดเกินไป เพราะการใส่เสื้อผ้าสีเข้มอย่างเดียวอาจทำให้คุณดูไม่มีชีวิตชีวา
ลวดลายที่ควรหลีกเลี่ยง
• ลวดลายจัดจ้านหรือมากเกินไป : ลวดลายที่มีสีสันหลากหลายหรือกราฟิกที่ซับซ้อนเกินไป เช่น ลายดอกไม้ขนาดใหญ่หรือการพิมพ์ลายกราฟิกที่เด่นชัด อาจทำให้การแต่งตัวดูไม่เหมาะสมกับสถานที่ที่เป็นทางการ
• ลายทางหรือขวางที่มากเกินไป : ลายทางที่หนาและมองเห็นได้ชัดเจนอาจทำให้คุณดูไม่สมดุล และทำให้ลุคของคุณดูหนักหรือรกเกินไป
• ลวดลายที่เด่นเกินไป : เช่น ลายเสือดาว ลายพราง หรือการใช้ลวดลายที่สะดุดตามากเกินไป อาจทำให้ภาพลักษณ์ของความมืออาชีพของผู้สมัครงานลดลง
5. การดูแลรักษาเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับการทำงานพาร์ทไทม์
การดูแลรักษาเสื้อผ้าให้เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กับทักษะในการทำงานเลย เพราะเสื้อผ้าที่สะอาดและเรียบร้อยจะช่วยเสริมความมั่นใจ และทำให้คุณดูมืออาชีพตลอดเวลาที่ทำงาน
เคล็ดลับในการดูแลรักษาเสื้อผ้าให้คงสภาพดีตลอดเวลา
1. เลือกเสื้อผ้าที่ทนทาน และรักษาง่าย
เลือกเสื้อผ้าที่มีความทนทานและดูแลรักษาง่าย โดยควรเลือกใช้เนื้อผ้าที่ไม่ยับง่าย ซักทำความสะอาดได้สะดวก และคงสภาพดีแม้สวมใส่เป็นเวลานาน เช่น ผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์หรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ต้องรีดบ่อยหรือมีเนื้อผ้าที่เปื้อนง่าย เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานและดูเรียบร้อยอยู่เสมอ
2. ซักเสื้อผ้าอย่างถูกวิธี
ซักเสื้อผ้าอย่างถูกวิธีเพื่อยืดอายุการใช้งาน ควรแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกัน เลือกใช้น้ำยาซักผ้าที่เหมาะกับเนื้อผ้า และปรับระดับการซักให้เหมาะสมกับความต้องการของเสื้อผ้าแต่ละประเภท หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนเกินไปหรือปั่นแห้งแรงเกินจำเป็น เพราะอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ ควรตากเสื้อผ้าในที่ที่มีอากาศถ่ายเทดีเพื่อป้องกันกลิ่นอับและรักษาคุณภาพของเนื้อผ้าให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ
3. ตากเสื้อผ้าอย่างถูกวิธี
ควรตากเสื้อผ้าในที่ร่มหรือบริเวณที่มีการระบายอากาศดี เพื่อป้องกันการซีดจากแสงแดดโดยตรง หรือหากมีการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มก็จะช่วยให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอมและนุ่มนวล นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสียหายจากการตากแดดได้
4. การเก็บเสื้อผ้าอย่างมีระเบียบ
เมื่อไม่ใช้เสื้อผ้าควรเก็บให้เรียบร้อยในตู้เสื้อผ้า โดยเลือกไม้แขวนที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อไม่ให้เสื้อผ้าเสียทรง และควรเลือกเก็บในที่แห้งและสะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นอับหรือการเกิดเชื้อราจากความชื้น

วิธีการรีดเสื้อและดูแลเสื้อผ้าเพื่อให้ดูเรียบและมืออาชีพตลอดเวลา
- การรีดเสื้อผ้าให้เรียบ
- ใช้เตารีดที่มีไอน้ำ : การรีดเสื้อผ้าด้วยไอน้ำจะช่วยให้รอยยับหายเร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ความร้อนสูง
- ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า : ควรปรับอุณหภูมิของเตารีดตามประเภทผ้า เช่น สำหรับผ้าฝ้ายและผ้าเนื้อหนาใช้ความร้อนสูง ในขณะที่ผ้าบางหรือผ้าสังเคราะห์ควรใช้ความร้อนต่ำ
- รีดจากด้านใน : หากเสื้อผ้ามีลวดลายหรือสีเข้ม ควรรีดจากด้านในเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยเงา และรักษาความสวยงามของเนื้อผ้า
- วิธีดูแลเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้ยับง่าย
- เลือกเสื้อผ้าที่ไม่ยับง่าย : การเลือกเสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติไม่ยับง่ายจะช่วยให้เสื้อผ้าของคุณดูเรียบและดูดีตลอดวัน
- ใช้สเปรย์รีดผ้า : หากไม่มีเวลารีดเสื้อผ้า สามารถใช้สเปรย์ช่วยให้เสื้อผ้าเรียบขึ้นได้ โดยการพ่นสเปรย์ลงบนเสื้อผ้าให้ทั่ว แล้วใช้มือจัดเสื้อผ้าให้เรียบ
ซึ่งทั้งหมดนี้คือ ทริกการแต่งตัวไปสมัครงานที่สามารถปรับได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย หากใครกำลังหางานพาร์ทไทม์ (Part-Time) หรืองานตำแหน่งอื่น ๆ กับบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ มาค้นหาได้ที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มที่รวบรวมตำแหน่งงานคุณภาพ เพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงานที่ตรงกับความสามารถและความฝันของคุณเอง พร้อมเครื่องมืออันทรงพลังอย่าง Super Resume ที่จะช่วยให้คุณโดดเด่นเหนือผู้สมัครรายอื่นในสายตา HR สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้แล้ววันนี้ทั้งระบบ iOS และ Androidแต่งตัวไปสมัครงาน